(เปิดรับจองแล้ววันนี้และจะเริ่มทยอยส่งมอบในทวีปยุโรปช่วงเดือน กรกฎาคม 2566 เป็นต้นไป สำหรับตลาดในประเทศไทยจะเริ่มส่งมอบในช่วงเดือน ตุลาคมนี้)
เครื่องยนต์ Hybrid ที่ทรงพลังยิ่งขึ้น พร้อมขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าระยะทางสูงสุดถึง 90 กิโลเมตร
ในทวีปยุโรป ปอร์เช่ คาเยนน์ (Cayenne) ใหม่ เปิดตัวครั้งแรกด้วยทางเลือกขุมพลังเครื่องยนต์แตกต่างกัน 3 รูปแบบ เริ่มจากเครื่องยนต์ V8 เทอร์โบคู่ ขนาดความจุ 4 ลิตร สำหรับติดตั้งลงใน คาเยนน์ เอส (Cayenne S) ซึ่งปอร์เช่พัฒนาขึ้นเพื่อทดแทนเครื่องยนต์ V6 ในรุ่นก่อนหน้า ให้พละกำลังสูงสุด 474 แรงม้า (349 กิโลวัตต์) แรงบิดสูงสุด 600 นิวตันเมตร กำลังเพิ่มขึ้นถึง 34 แรงม้า (25 กิโลวัตต์)
และแรงบิดเพิ่มขึ้น 50 นิวตันเมตร จากรุ่นก่อนหน้า อัตราเร่งจากเครื่องยนต์ดังกล่าวทั้งในรุ่นตัวถังปกติ และตัวถังคูเป้ (Coupé) จากจุดหยุดนิ่งถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำได้ภายใน 4.7 วินาที ความเร็วสูงสุดกว่า 273 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในส่วนของรุ่นเริ่มต้นของปอร์เช่ คาเยนน์ (Cayenne) ติดตั้งเครื่องยนต์ V6 เทอร์โบ ขนาดความจุ 3 ลิตร ให้พละกำลังสูงสุด 353 แรงม้า (260 กิโลวัตต์) แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร หรือกำลังเพิ่มขึ้น 13 แรงม้า (10 กิโลวัตต์) และแรงบิดเพิ่มขึ้น 50 นิวตันเมตร จากรุ่นก่อนหน้า
เครื่องยนต์ 6 สูบดังกล่าวยังถูกนำมาประจำการเป็นขุมพลังในรุ่น คาเยนน์ อี ไฮบริด (Cayenne E-Hybrid) เมื่อทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าประสิทธิภาพสูงรุ่นใหม่ ซึ่งให้พละกำลังเพิ่มขึ้นจากรุ่นเดิมถึง 30 กิโลวัตต์ เป็น 130 กิโลวัตต์ (176 แรงม้า) ส่งผลให้พละกำลังที่ได้จากทั้ง 2 ระบบอยู่ที่ 470 แรงม้า (346 กิโลวัตต์) ติดตั้งแบตเตอรี่ high-voltage ความจุพลังงานเพิ่มขึ้นตั้งแต่ 17.9 กิโลวัตต์ชั่วโมง ถึง 25.9 กิโลวัตต์ชั่วโมง โดยขึ้นอยู่กับระดับของอุปกรณ์ สามารถเดินทางด้วยการใช้พลังงานไฟฟ้าอย่างเดียวเป็นระยะทางสูงสุดถึง 90 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน WLTP ระบบ on-board charger ใหม่ล่าสุดขนาด 11 กิโลวัตต์ ช่วยลดระยะเวลาการชาร์จพลังงานให้สั้นลงภายในเวลาไม่เกิน 2 ชั่วโมง 30 นาที เมื่อใช้กำลังไฟที่เหมาะสม ถึงแม้จะเปลี่ยนเป็นแบตเตอรี่ที่มีความจุมากกว่าเดิมก็ตาม ในระหว่างการขับขี่ด้วย e-hybrid driving modes จะช่วยให้รถยนต์ทำงานด้วยประสิทธิภาพสูงสุด
สำหรับนอกภูมิภาคยุโรป รุ่น เทอร์โบ จีที (Turbo GT) ได้รับการกำหนดให้เป็นเวอร์ชั่นที่มีสมรรถนะสูงสุดสำหรับการขับขี่แบบ on-road รวมทั้งรับหน้าที่เป็นรุ่นเรือธงในเกือบทุกตลาดที่มีการจำหน่ายปอร์เช่ คาเยนน์ (Cayenne) โดยสามารถเลือกตัวถังแบบคูเป้ (coupé) และอุปกรณ์นวัตกรรมเทคโนโลยีประจำรุ่นได้ทั้งหมด นอกจากนี้ด้วยพละกำลังมหาศาลที่เพิ่มขึ้น 19 แรงม้า (14 กิโลวัตต์) รวมเป็น 659 แรงม้า (485 กิโลวัตต์) จากเครื่องยนต์ V8 เทอร์โบคู่ ขนาดความจุ 4 ลิตร ส่งผลให้ปอร์เช่ คาเยนน์ เทอร์โบ จีที (Cayenne Turbo GT) มีอัตราเร่งจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายในระยะเวลาเพียง 3.3 วินาที พร้อมความเร็วสูงสุดกว่า 305 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ลูกค้าสามารถใช้งานฟังก์ชั่นช่วยเหลือการขับขี่อันหลากหลาย ซึ่งครอบคลุมไปถึงระบบจำกัดความเร็วอัตโนมัติ active speed limiter, ระบบควบคุมพวงมาลัย swerve assist และระบบช่วยเหลือขณะเข้าโค้ง cornering assist ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ adaptive cruise control นั่นหมายความว่าปอร์เช่ คาเยนน์ (Cayenne) ใหม่ คือยนตรกรรมสปอร์ต SUV ที่มีระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ให้รอดพ้นจากสถานการณ์คับขันได้อย่างยอดเยี่ยม ไม่ว่าจะในขณะขับรถท่ามกลางสภาพจราจรติดขัดบนมอเตอร์เวย์ หรือบนถนนเส้นหลัก
ปอร์เช่ ติดตั้งอุปกรณ์มาตรฐานจากโรงงานให้กับ คาเยนน์ (Cayenne) ด้วยช่วงล่าง Adaptive air suspension มาพร้อมระบบควบคุมการทำงานของช่วงล่าง Porsche Active Suspension Management (PASM) ยกระดับประสบการณ์การขับขี่ให้เหนือชั้นยิ่งขึ้นด้วยระบบช่วงล่างถุงลมปรับระดับอัตโนมัติใหม่ล่าสุด เทคโนโลยี 2-chamber และ 2-valve เปิดประสบการณ์การเดินทางด้วยช่วงล่างที่นุ่มนวล ให้ความเสถียรสูงสุดทั้งการขับขี่บนเส้นทาง on-road และ off-road เมื่อเปรียบเทียบกับระบบช่วงล่างมาตรฐาน และระบบช่วงล่างของรุ่นก่อนหน้า ในขณะเดียวกัน ระบบช่วงล่างถุงลมแบบปรับระดับอัตโนมัติ ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน การบังคับควบคุมที่แม่นยำ รวมทั้งลดอาการโคลงตัวในระหว่างการขับขี่ด้วยความเร็วสูง ยิ่งไปกว่านั้นยังสามารถสังเกตได้ถึงความแตกต่างของการขับขี่ระหว่างโหมดการทำงาน Normal, Sport และ Sport Plus driving